วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ว่านชักมดลูก และรากสามสิบ


                                                บทความ
                                         ความรู้เรื่องสมุนไพรไทย

การศึกษาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย : ว่านที่ใช้เป็นยารักษาโรค


บทคัดย่อ

                รายการวิจัย เรื่องการศึกษาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย :ว่านที่ใช้เป็นยารักษาโรค                    มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อรวบรวมองค์ความรู้และภูมิปัญญา การใช้ว่านในการรักษาโรค            ของแพทย์แผนไทย ศึกษารวบรวมชนิดของว่าน คุณค่าทางเภสัชวิทยา สรรพคุณทางยา และรวบรวมตำรับยาไทย กลุ่มโรคและอาการที่ใช้ว่านในการรักษา โดยใช้วิธีการศึกษาการวิจัยแบบเชิงคุณภาพ (Qualitative) เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก
                ผลการศึกษาพบว่าหมอพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ของประเทศไทย ( 16 จังหวัด) นำว่านมาใช้เป็น     ยารักษาโรค   แบ่งอันดับการใช้จากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ว่านชักมดลูก ว่านน้ำ ว่านกีบแรด             ว่านร่อนทอง  ว่านเปราะหอม  ว่านนางคำ  ว่านมหากาฬ  ว่านหาง้าง ว่านเอ็นเหลือง ว่านทรหด         ว่านสบู่เลือด  ว่านหอมแดง ว่านสิงหะโมรา  ว่านคัณฑะมาลา  ว่านค้างคางดำ ว่านรางจืด ว่านกาบหอยแครง   ว่านขอทอง ว่านหางจะเข้ ฯลฯ จากการจัดอันดับการใช้ พบว่า ว่านที่หมอพื้นบ้านนำมาทำเป็นยามากที่สุดคือ ว่านชักมดลูก พบทุกภาคของประเทศ โรคหรือกลุ่มอาการที่ใช้ว่านชักมดลูกรักษาเป็นยาเดี่ยว   และใช้ร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นในรูปของยาตำรับ คือ มดลูกอักเสบ ชักมดลูกเข้าอู่           ขับน้ำคาวปลา หญิงคลอดบุตรใหม่  รักษาไส้เลื่อน  กระชับมดลูก  แก้มดลูกหย่อน  กระบังลมเคลื่อน มุตกิตระดูขาว   บำรุงเลือด    รักษาริดสีดวง   รักษาอาการตกเลือด
                จากการศึกษาครั้งนี้ ทำให้ทราบข้อมูลองค์ความรู้และภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย จากพระคัมภีร์  ตำรา  หมอพื้นบ้านทั้งที่มีใบประกอบโรคศิลปะ   ไม่มีโรคศิลปะ    และวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้เห็นภาพรวมการใช้ว่านรักษาโรคในประเทศไทย  รวมทั้งยังทราบถึงสถานการณ์ของการใช้ว่านเป็นยารักษาโรคในปัจจุบัน   มีการใช้อยู่มาก   แต่ชนิดที่ใช้ไม่หลากหลาย



สมุนไพร  ว่านชักมดลูก 
  จากผลการวิจัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาของว่านชักมดลูกจากสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องพบว่า ใน ว่านชักมดลูกมี สารออกฤทธิ์ที่สามารถลดการอักเสบ ยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมันลดปริมาณ ไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในเลือดที่มีปริมาณสูง ยับยั้งเบาหวานและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ลดการซึมผ่านของหลอดเลือด แก้ปวด รักษาแผล ปรับ อุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ลดพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทดลอง เพิ่มฤทธิ์บาร์บิตูเรต ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการผลิต น้ำดี ลดเวลาการหลับของบาร์บิตูเรต ยับยั้งเอนไซม์ GPT, GOT, alkaline phosphatase, adenine nucleotide translocass (HIV) ต้าน เชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์น้ำเหลือง เพิ่มน้ำหนักมดลูกและปริมาณไกลโคเจน มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนฆ่าแมลง และ ลดการสร้างเม็ดสีผิวได้ ซึ่งสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในทางยาที่มีอยู่ใน ว่านชักมดลูกจริง ๆ แล้วมีมากมายหลายกลุ่มหนึ่งในนั้นก็คือ เคอร์คิวมิน เป็นสารที่สกัดได้จากขมิ้น ซึ่งให้ประโยชน์หลายประการ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของกระเพาะอาหาร ผลสรุปทางการวิจัย ยังพบอีกว่า ว่านชักมดลูกมี ผลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่มีในเพศหญิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวของว่านชักมดลูกเอง ไม่ใช่ฮอร์โมน แต่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์เพิ่มการขับน้ำดีและสามารถป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ สรรพคุณว่านชักมดลูกของไทย ตามบันทึกในตำรับยาแผนโบราณได้กล่าวไว้ว่าว่านชักมดลูกมี คุณประโยชน์และให้ความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้หญิงมาก เพราะว่านชักมดลูกมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ เสริมหน้าอก ทำให้ผิวพรรณขาวนวล ลบรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ ว่านชักมดลูกมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า กวาวเครือขาวคือ ช่วยรักษามดลูกที่ทรุดตัว หรือเรียกว่ามดลูกต่ำให้เข้าที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาว ๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไป กลับมามีเหมือนเดิมว่านชักมดลูกยัง ช่วยให้ผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จิตใจห่อเหี่ยว อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายหายไป ทำให้คึกคักเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด หรือภายในมดลูก ช่วยรักษาซีสต์ และเนื้องอกภายในช่องคลอดให้ฝ่อตัว หรือเล็กลงด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอย่างได้ผลชะงัก เพราะฉะนั้นหากจะเทียบกันแล้ว ว่านชักมดลูกจึง มีประโยชน์เหนือกว่ากราวเครือมาก แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ว่านชักมดลูกเพียงอย่างเดียวจะให้สรรพคุณได้ไม่มากเท่าที่ควร ตามตำรายาโบราณได้ระบุถึงการนำสมุนไพรมาใช้งานว่า ต้องปรุงขึ้นตามสูตรยานั้น ๆ และจำเป็นต้องอาศัยสมุนไพรอีกหลายชนิดผสมเข้าไป จึงจะช่วยให้ออกฤทธิ์และได้ผลสูงสุด ซึ่งสรรพคุณของว่านชักมดลูกที่มีบันทึกตามตำรับยาแผนโบราณเมื่อหลายร้อยปี ก่อน ได้ระบุถึงผลการนำมาบำบัดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ว่า- ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี- ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์- ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป- ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด- ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น- ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี- ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง- มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว และเล็กลง- เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน วิธีการใช้ว่านชักมดลูกตาม ตำรายาโบราณ ได้มีบันทึกไว้ตามตำรายาแผนโบราณของไทย ซึ่งเท่าที่ค้นพบจะมีวิธีการใช้ดังนี้- ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่มแก้ปวดมดลูกหรือใช้ปรุงเป็นยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า มดลูกเข้าอู่สำหรับ สตรีที่คลอดบุตรใหม่ ๆ นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟและเดือยไก่- การใช้ว่านชักมดลูก เพื่อรักษาอาการมดลูกพิการปวดบวมที่บริเวณมดลูก หรือเป็นมุตกิตระดูขาว มีวิธีการใช้ดังนี้ คือ ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้น ให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ ๆ ก็ให้รับประทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้าหรือน้ำปูนใส อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จะหายไปได้- สำหรับท่านชาย หากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ก็จะปราศจากอาการ ดังกล่าวได้- หากนำหัวว่านมาโขลกกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยรักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังใช้หัวว่านสดมารับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ข้อควรระวังคือ ขณะที่รับประทานว่านชักมดลูกนี้ ห้ามรับประทานของคาวจัดหรือมันเลี่ยนจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้ การใช้ว่านชักมดลูกสำหรับสตรี แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ- ระยะแรก ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีประจำเดือน จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามลักษณะของผู้หญิงที่ควรจะเป็น เช่น ไม่มีอาการปวดประจำเดือน ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส หน้าอกเต่งตึงตามวัย ช่วยรักษาอาการตกขาวที่ผิดปกติ และทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น- ระยะที่สอง วัยแต่งงานหรือมีบุตรแล้ว จะช่วยทำให้อารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ขึ้น ช่องคลอดกระชับ หน้าอกเต่งตึงอยู่เสมอ หน้าท้องไม่ลายหลังจากการคลอดบุตร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อารมณ์จิตใจแจ่มใสสดชื่น ช่วยดับกลิ่นไม่พึงปรารถนา และลบรอยเหี่ยวย่นตามร่างกายทั่วไปได้ดี- ระยะที่สาม หรือระยะเริ่มเข้าสู่วัยทอง คือหลังจากอายุ 45 ปี ขึ้นไป ว่านชักมดลูกจะช่วยไม่ให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด มึนหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาการร้อนวูบวาบ ปวดเนื้อ ปวดหัว อารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย จิตใจห่อเหี่ยวซึมเศร้า ท้อแท้ ความจำเสื่อม นอนหลับยาก เวลาร่วมเพศไม่มีอารมณ์ น้ำหล่อลื่นไม่มี อาการเหล่านี้ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ว่าว่านชักมดลูกสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ นี้ได้ ว่านชักมดลูกสำหรับสาวประเภทสอง จากบันทึกตามตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่าสมุนไพรว่านชักมดลูกสามารถ ใช้ได้กับคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหรือแม้แต่คนที่มีความผิดปกติทางเพศ เช่น กลุ่มคนที่เรียกว่า ทอม หรือ กระเทย ก็สามารถใช้ว่านชักมดลูกมาเสริมสร้างร่างกายให้สดใสแข็งแรงได้เช่นกัน โดยคุณประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ- ทำให้ร่างกายแข็งแรง นวล สดใส เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล- กลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นอับในที่ต่าง ๆ จะหายไปโดยไม่ต้องใช้น้ำหอมต่าง ๆ มาช่วย- อารมณ์ทางเพศที่ไม่สมบูรณ์ จะกลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม- อารมณ์ฉุนเฉียว หรืออ่อนไหวง่าย จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี เข้มแข็งขึ้น- สิว ฝ้า บนใบหน้าหรือร่างกาย จะจางลงและค่อย หมดไป ส่วนประกอบสำคัญ 
             


สูตรผสมกับรากสามสิบ(สาวร้อยผัว) ราคา  250 บาท 100 แคปซูล /1 ขวด  6 ขวด แถม 1 ขวด ลด5%
 1  โหล แถม 2 ลด 10%   0819541900 ส่ง EMS ฟรี ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ 9302095674 สินชัย ตลับเงิน

 
"สาวร้อยผัว"  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Racemosus Willd เป็นสมุนไพรที่คนไทยและคนเอเชียใช้กันมาช้านานแล้ว  คนส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ เรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภาค  ชื่อในภาคกลางหรือคนทั่วไปเรียกขานว่า  "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก" นั่นเอง
หมอ ยาโบราณส่วนใหญ่จะรู้ว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี  จึงให้ชื่อว่า "สาวร้อยผัว" ชื่อนี้หมายถึงไม่ว่าสาวใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(ไม่ได้หมาย ถึงสาวใจแตกน๊ะจ๊ะ)  ความหมายคล้ายๆสาวสองพันปีที่ยังสาว เสมอนั่นเอง 
และ เป็นที่น่าแปลกใจว่าในอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี(Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราบอกว่าหมายถึงผู้หญิงที่มีร้อยสามี "Satavari" (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ พระเวท  ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วยซ้ำ จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้รากสามสิบทำ เป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทย (รากสามสิบแช่อิ่ม รากสามสิบเชื่อม)
ใน ตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention)  นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของผู้หญิงเช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือน ภาวะมีบุตรยาก  ตกขาว  ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย  ภาวะหมดปะจำเดือน(menopause)  และใช้บำรุงน้ำนม  บำรุงครรภ์  ป้องกันการแท้ง(habitual abortion)  และอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ของผู้หญิง
แม้ สมุนไพรชนิดนี้จะโดดเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย  ซึ่งก็คงคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า "ม้าสามต๋อน"  เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย  และยังใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด  แก้ไข้  แก้อักเสบ  ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง  ในปี ค.ศ. 1992-2000 อินเดียใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึง 8,460 ตัน เป็นอันดับสองรองจากมะขามป้อมที่ใช้อยู่ที่ 15,147 ตัน ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำของรากสามสิบจากอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
สาว ร้อยผัว หรือ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัยกันมากพอสมควร ในด้านการศึกษาวิจัยในห้องทดลองพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา คือ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน  กระตุ้นภูมิคุ้มกัน  ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ  ลดระดับไขมันในเลือด  ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด   ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง  ขับน้ำนม  ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งพิษต่อตับ  ในการศึกษาด้านความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า การใช้รากสามสิบในขนาดสูง 2 กรัม ต่อกิโลกรัมด้วยการกินไม่พบพิษ  และการใช้ในระยะยาวด้วยการต้มน้ำ ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แล้วให้กินทั้งเนื้อและน้ำนาน  4-32 สัปดาห์ ไม่พบความผิดปกติ  จะเห็นได้ว่ารากสามสิบนั้น  นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก  เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ  ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป


    โทรสอบถาม    08 1954 1900
 สนใจปลาไหลเผือก   ลองสอบถามปรึกษาที่ 0819541900  ของเริ่มมีน้อย หายากขึ้น 

สินค้าอื่นๆ ว่านชักมดลูก สาวร้อยผัว(รากสามสิบ) กวาวเครือขาว กวาวเครือดำ กวาวเครือแดง กระชายดำ หมามุ่ย ฯลฯ
โทรสอบถาม ปรึกษา  แอปไลท์ ที่ 0819541900  ชมรมสมุนไพรโรงเรียนบ้านโคกสะอาด  ร้านสหกรณ์ครูสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

 เมล็ดหมามุ่ย  




สมุนไพรหมามุ่ย ใช้ทั้งเอเซีย


"วิทยา" หนุนวิจัยสมุนไพรหมามุ่ย ผลักดันเป็นยารักษาโรคพาร์กินสันและภาวะมีบุตรยาก ขึ้นทะเบียนยาถูกต้อง หวังโกอินเตอร์ ต่อยอดทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยาไทย...
เมื่อ วันที่ 25 ส.ค.  นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข นำกาแฟสมุนไพรหมามุ่ย ประมาณ 200 แก้ว บริการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และเจ้าหน้าที่ประจำรัฐสภา ระหว่างแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เพื่อสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง
นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรไทย เป็นทางเลือกให้ประชาชนในการรักษาพยาบาล ขณะนี้มีสมุนไพรถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้วเกือบ 100 รายการ มูลค่าการใช้ในสถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขปีละกว่า 300 ล้านบาท และมีนโยบายพัฒนายาสมุนไพรไทยที่มีนับหมื่นชนิด เพื่อนำมาใช้เป็นยารักษาโรคหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงร่างกาย ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลวิจัยจากประเทศอินเดียพบว่าหมามุ่ยซึ่งเป็นพืชเถา พบมากในประเทศไทย มีสารที่สามารถใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ที่เป็นโรคที่มีความเสื่อมของระบบประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว ทั่วโลกพบผู้ป่วยประมาณร้อยละ 1 หรือ 60 ล้านคน ส่วนคนไทยพบประมาณ 5-6 ล้านคน พบมากในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีผลกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากจากปัญหาความผิดปกติของการผลิตน้ำอสุจิในผู้ชายซึ่ง ขณะนี้มีครอบครัวไทยจำนวนมากที่ประสบปัญหามีบุตรยาก ที่พบได้ประมาณร้อยละ 15 ของครอบครัวไทย และต้องพึ่งการแพทย์สมัยใหม่ที่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
ดัง นั้นจึงจะมอบให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาให้เป็นที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิก เพื่อขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อาจทำเป็น 2 รูปแบบคือยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มั่นใจว่าพืชหมามุ่ยนี้จะเป็นข่าวดีของคนทั่วโลกที่มีปัญหา 2 เรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดเศรษฐกิจยาไทยเชิงอุตสาหกรรม จะเร่งศึกษาให้เร็วที่สุด ที่ผ่านมา ตำราโบราณ มีหมอพื้นบ้านไทยใช้เมล็ดหมามุ่ย ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากใน 2 ลักษณะคือ นำมาคั่ว บดคล้ายๆ ชาชงดื่มวันละ 5 กรัมหรือประมาณ 25 เมล็ด วันละ 1 ครั้งติดต่อกันนาน 3 เดือน และนึ่งเมล็ดหมามุ่ย 5 เมล็ดพร้อมกับข้าวเหนียว กินวันละ 3 ครั้ง เห็นผลภายใน 7 วัน ทั้งนี้ ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติปีนี้ ซึ่งจัดที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม-4 กันยายน 2554 ขอเชิญผู้ที่สนใจสมุนไพรไทยเข้าชม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ยาไทย รวมทั้งสมุนไพรหมามุ่ยบริการผู้เข้าชมงานด้วย
หมามุ่ย หรือ หมามุ้ย ภาษาอังกฤษ Mucuna มีชื่อวิทศาสตร์ว่า Mucuna pruriens (L.) DC. มีลักษณะเป็นพืชเถา ผลเป็นฝักยาว คล้ายถั่วลันเตา มีขนสีน้ำตาลอม ทองหรือแดงปกคลุมที่ฝัก หลุดล่วงง่าย ปลิวตามลมและเป็นพิษ เพราะขนหมามุ่ยเต็มไปด้วยสารเซโรโทนิน (Serotonin) เมื่อสัมผัสผิวจะทำให้เกิดอาการคัน แพ้ระคายเคืองอย่างรุนแรง ซึ่งฝักจะออกมาในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูแล้ง
เมล็ดหมามุ่ย มีสารแอลโดปา (L-Dopa) ซึ่งเป็นสารที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบสืบพันธุ์ และยังเป็นสารสื่อประสาทซึ่งมีส่วนช่วยรักษาโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย หมอยาแผนโบราณมีการนำหมามุ่ยมาใช้อย่างหลากหลาย โดยนำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่ ราก ใบ ฝัก เมล็ด โดนเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเมล็ดที่ถือว่า เป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ !ขนหมามุ่ยหากถูกผิวหนังจะทำให้มีอาการคะคายเคือง คัน ปวดแสบปวดร้อน บวมแดงเป็นอย่างมาก สำหรับ วิธีการรักษาให้รีบกำจักขนพิษออกจากบริเวณที่สัมผัส โดยใช้เทียนไขลนไฟให้อ่อนตัว หรือจะใช้ข้าวเหนียวนำมาคลึงจนเนื้อข้าวเหนียวกลืนกัน แล้วนำมาคลึงบริเวณที่สัมผัสขนหลายครั้งๆจนหมด แต่หากยังมีอาการแดงแสบร้อนหรือคันอยู่ให้ใช้โลชั่นคาลาไมน์มาทา หรือจะใช้สเตียรอยด์พร้อมกับรับประทานยาแก้แพ้ก็ได้ อาการก็จะดีขึ้น



    
      หมามุ่ย สีดำนิลมัน คันปลูกแล้วหาแรงงานเก็บยาก ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการเก็บและแกะเอาเมล็ด กว่าจะได้มาคั่วให้สุกและบดเป็นผง ทำน้ำหมักเอ็มไซค์ ชงผสมกาแฟ  หรือโอวัลติน และทำแคปซูล(สะดวกในการทานและพกพา)
      
   
  

นักวิจัยไทยพบ เมล็ดหมามุ่ย ช่วยปลุกเซ็กส์ มีเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น
ม.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา เปิดเผยผลวิจัยว่า การใช้หมามุ่ยสามารถปลุกเซ็กส์สำหรับหนุ่มๆได้ โดยนางชนัดดา บัลลังค์ นักวิชาการ ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ ต.ทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ นำเสนอผลงานการศึกษาเรื่อง หมามุ่ย:สมุนไพรต่อความมั่นคงของชีวิตสมรส
จากชาวบ้านในตำบลโพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 6,217 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยสมัครใจจำนวน 40 คน เป็นชาย 20 คน และ หญิง 20 คน ซึ่งก่อนการวิจัยให้ข้อมูลว่า มีความรู้สึกถึงความมั่นคงต่อชีวิตสมรสในระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ หลัง จากได้ดื่มน้ำเม็ดหมามุ่ยคั่วบดละเอียดแล้ว ผู้หญิงรู้สึกว่าหน้าอกเต่งตึง การมีเพศสัมพันธ์ดี ไม่เหนื่อยง่าย ขณะที่ฝ่ายชายรู้สึกกระฉับกระเฉง และมีเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น  ช่วยให้ มีความพอใจคู่สมรส และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ นางชนัดดา กล่าวถึงวิธีการใช้หมามุ่ยว่า ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จะเป็นผู้ควบคุมการใช้หมามุ่ยคั่วสุขบดละเอียด คือ ในแต่ละวันจะใช้ผงหมามุ่ยที่บดแล้ว จำนวน 1 ช้อนชา โดยจะชงผสมกับน้ำให้กับกลุ่มตัวอย่างดื่ม ซึ่งจะเลือกให้ดื่มในช่วงเวลาเย็น  โดยก่อนการใช้หมามุ่ยในกลุ่มทดลองนั้นผู้ใช้จะมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศแข็ง ตัวช้า แต่ภายหลังจากการใช้หมามุ่ยแล้วพบว่าการแข็งตัวของอวัยวะเพศเร็วและนานขึ้น แต่การใช้สมุนไพรดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

นอกจากนี้ ยังมีผลกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากจากปัญหาความผิดปกติของการผลิตน้ำอสุจิในผู้ชาย ที่ผ่านมา ตำราโบราณ มีหมอพื้นบ้านไทยใช้เมล็ดหมามุ่ย ใช้รักษาภาวะมีบุตรยากใน 2 ลักษณะคือ นำมาคั่ว บดคล้ายๆชาชง กินวันละ 5 กรัมหรือประมาณ 25 เมล็ด วันละ 1 ครั้งติดต่อกันนาน 3 เดือน และนึ่งเมล็ดหมามุ่ย 5 เมล็ดพร้อมกับข้าวเหนียว กินวันละ 3 ครั้ง เห็นผล ภายใน 7 วัน




ปรึกษา สอบถามได้ที่ 0819541900  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น